ถ้าเอาตามประสบการณ์ของผมจริงๆ ผมว่านั่นไม่ได้หลับแล้วฝันอย่างที่คิดนะครับ มันกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ถูกครับ ที่ต้องตั้งใจก่อนจะนอนแต่ผมว่าท่านจขกท.อาจเข้าใจผิดครับ เท่าที่ผมฝึกก็คือ ถูกครับต้องตั้งใจก่อนนอน แล้วตั้งใจอย่างไรครับ ไม่เห็นบอกวิธี คนมันจะหลับมันก็เผลอหลับไปครับ จะไปตั้งใจได้อย่างไรผมจะบอกวิธีนะครับ แต่ถามก่อนว่า เคยฝึกสมาธิหรือเปล่าครับ ถ้าเคยฝึก ฝึกมาถึงจุดที่สมาธิต่อเนื่องอยู่ในอารมณ์เดียวได้หรือยังครับหมายถึงว่า ไม่มีความฟุ้งซ่านใดๆผุดขึ้นมาเลยต่อเนื่องยาวนาน ถ้าฝึกมาถึงตรงนี้ได้ ก็ไม่ยากเท่าไร แต่ถ้าเคยฝึกทั้งสมาธิและสติจนหูไม่ได้ยินเสียง แล้ว ถ้ามาฝึก Luciddream ล่ะก็ เอาไม่อยู่เลยครับ ไปกันใหญ่ยาว เหมือนตัวเองเหาะได้จริงๆ มีอาการวาบวิวขึ้นลงตามสูงต่ำจริงๆเมื่อเห็นไฟก็ร้อนจริงๆ หน้านี่ร้อนมาไกล แต่นั้นมันเป็นความฝันนะครับ อย่างสับสนว่าเป็นเรื่องจริงวิธีนะครับ ท่านนอนให้เพียงพอเลยในคืนนั้น แล้วตอนเช้ารู้สึกตัวขึ้นมา อย่าลุกขึ้นจากเตียงครับ ให้จ้องเพดานยิ่งเพดานมีองค์ประกอบมากยิ่งดี เช่น มีโคมไฟ มีพัดลม ก็ให้จ้องมองอย่างนั้นสักพัก จากนั้นก็ให้หลับตาครับ โดยพยายามจำให้ได้ว่า เพดานนั้นมีอะไรอยู่บ้าง แล้วพยายามมองให้ผ่านเปลือกตา เหมือนไม่มีเปลือกตามากั้นให้เห็นเพดานจริงๆ ที่ทำตอนตื่นนอนตอนเช้าก็เพราะยังความง่วงเหลืออยู่ครับ ตัวความง่วงนี้จะช่วยทำให้เกิดอาการกึ่งหลับ จากนั้นไม่ต้องขยับตัวไปไหน แต่พยายามนึกถึงรอบๆห้องว่ามีอะไร โดยเมื่อเรารู้สึกว่าไม่มีเปลือกตาแล้ว เวลาเรามองอะไรรอบๆห้องเราก็จะเห็นภาพนั้นจริงๆ เห็นห้องจริงๆทั้งๆที่กึ่งหลับ จากนั้น ไปตามเส้นทางที่เคยไป เช่นเคยไปตักบาตรตอนเช้า ก็ให้มองเห็นภาพถนนออกจากห้องไป เดินไปตามเส้นทางนั้น ท่านจะเห็น เหตุกาณ์ในเช้าวันนั้นได้เหมือนกับฝันไป แต่ต้องไปตามเส้นทางที่เคยไปถ้าไม่เคยไป ไปไม่ถูก และกิจกรรมต่างๆในฝันก็จะเกิดขึ้นเมื่อท่านไปพบ มีความสุขกับสิ่งที่ขึ้นในฝันได้ไม่ตื่น แต่ถ้าเจอเรื่องทุกข์เรื่องร้ายก็จะตื่นออกมาเองครับสำหรับท่าน ที่ฝึกสติกับสมาธิจนหูไม่ได้ยินเสียงแล้ว ท่านจะไปได้ไกลกว่าและไปในเส้นทางที่ไม่เคยไป และสามารถกลับเข้าไปในฝันที่เคยฝันมาก่อน แต่ก่อนนอนจะต้องนึกถึงภาพฝันที่เคยฝันไว้ครับรูปภาพของ การควบคุมฝันเเละการรู้สึกตัวในฝัน Luciddream
การจะรู้สึกตัวในความฝันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับช่วงเเรก เเต่ถ้าทำได้ครั้งหนึ่งเเละจับจุดมันได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ในการรู้สึกตัวในฝันในครั้งต่อไป
ที่จริงเทคนิคในการท่องในความฝันนั้นมีมากครับ เเละส่วนใหญ่ก็เป็นเทคนิคเฉพาะบุคคล
ส่วนในการลอยที่จริงก็ทำได้ยากเช่นกันครับ เพราะถึงลอยได้ก็ควบคุมการลอยตัวไม่ได้ครับ ถ้าคนที่เคยลอยในช่วงเเรกๆ อาจจะควบคุมการลอยไม่ได้ซักส่วนใหญ่
ถ้าพูดถึงเทคนิคลับ จริงๆเเล้วอยู่ที่การวางสายตาครับ เพราะเมื่อคุณหลับตาลง คุณก็จะตื่นหรือหลุดออกจากสถาวะการฝันรู้ตัวทันที
ถ้าจะลอยในช่วงเเรกให้เพ่งสายตา โดยไม่จ้องมองสิ่งใด ถ้าจะอธิบาย คงคล้ายๆ กับการเหมอลอยหล่ะมั้งครับ เเล้วมันจะลอยครับโดยที่ไม่ต้องออกเเรงมาก เเล้วการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทำอย่างไง ?
ไม่ยากครับ ถ้าคุณนึกถึงการเเกว่งของลูกตุ้มได้ นั้นเเหละครับ คือการสะท้องเเรง เเละไม่ฝืนกฏของเหตุผลในจิตใต้สำนึกเรามากไปครับ
หากไม่นับเทคนิคที่เป็นภูมิปัญญาโบราณแล้ว ตัวอย่างเทคนิคสมัยใหม่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่
การหวนระลึกถึงความฝัน (Dream Recall) :
ผู้เชี่ยวชาญด้านความฝันรู้ตัวบอกว่า เงื่อนไขสำคัญอย่างแรกสุดที่คุณจะต้องทำให้ได้ก็คือ สามารถจดจำความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้เป็นอย่างดี
คุณอาจสงสัยทำไมต้องจำความฝันได้ด้วย?
คำตอบก็คือ หากคุณจำความฝันได้อย่างแม่นยำ คุณก็จะคุ้นเคยกับความฝันของคุณเองจนสามารถจดจำรูปแบบและลักษณะเด่นๆ ได้ รูปแบบและลักษณะเด่นๆ ที่ว่านี้แหละที่จะช่วยให้คุณรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ในการฝันครั้งต่อๆ ไป ในทางกลับกัน หากคุณเป็นคนที่จำความฝันไม่แม่น ก็เป็นไปได้ว่า แม้คุณจะฝันรู้ตัว (ตอนกำลังนอน) แต่พอตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด อย่างนี้ก็เท่ากับเสียของนั่นเอง
เรื่องการฝึกจำความฝันนี้ อาจใช้การจดบันทึกลงใน สมุดบันทึกฝัน (ฝรั่งเรียกว่า dream journal) ซึ่งจะช่วยให้คุณจำได้แม่นยำขึ้นเรื่อยๆ
การทดสอบว่าสภาวะที่เป็นอยู่นั้นว่าจริงหรือเปล่า (Reality Testing) :
เทคนิคนี้คล้ายๆ กับที่สอนกันว่า ถ้าไปเจออะไรที่แปลกๆ หรือไม่ชอบมาพากล แล้วให้ลองหยิกตัวเองดูสักที ถ้าเจ็บก็จะได้รู้ว่าจริงนะ ไม่ได้ฝัน แต่นักวิจัยบอกว่า เทคนิคนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักฝันมือใหม่ โดยคุณจะต้องปฏิบัติหลายๆ ครั้งในวันๆ หนึ่ง
วิธีการง่ายๆ เช่น ลองอ่านหนังสือสักข้อความหนึ่ง จากนั้นให้หันไปมองที่อื่น แล้วกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งว่าข้อความในหนังสือยังเหมือนเดิมไหม หรือ ลองเพ่งจิตให้ข้อความในหนังสือเปลี่ยนแปลงไป
ฟังดูแปลกๆ พิลึก แต่เชื่อไหมว่า จากการวิจัยพบว่า หากคุณกำลังฝันรู้ตัวอยู่ ข้อความบนหน้าหนังสือนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึง 75% ในการอ่านซ้ำครั้งแรก และอาจถึง 95% ในการอ่านซ้ำครั้งที่สอง
สัญลักษณ์ที่บ่งว่ากำลังฝัน (Dreamsigns) :
สิ่งที่ปรากฏในความฝันที่ทำให้ผู้ฝันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังฝันอยู่แน่ๆ เช่น รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหาะเหินเดินอากาศอยู่อย่างเพลิดเพลิน เห็นสัตว์ที่มีรูปร่างหรือสีสันแปลกๆ พบเจอกับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว หรือ รัฐบาลประกาศว่า หวยใต้ดินได้หมดไปจากเมืองไทยแล้ว อะไรทำนองนี้
คุณต้องศึกษาความฝันของตัวเองจนกระทั่งคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ที่บ่งว่าคุณกำลังฝัน สัญลักษณ์นี้แตกต่างกันไป ของใครของมัน โดยหากเจ้าสัญลักษณ์นี้โผล่ขึ้นมาอีกเมื่อไร คุณก็จะมั่นใจว่ากำลังฝันอยู่แน่ๆ
การเหนี่ยวนำความฝันรู้ตัวโดยใช้เครื่องมือช่วยจำ (Mnemonic Induction of Lucid Dreams - MILD) :
เทคนิคนี้เรียกย่อๆ ว่า ไมลด์ (MILD) และมีขั้นตอนหลัก 4 ขั้น ดังนี้
ตั้งใจว่าเดี๋ยวจะตื่นขึ้นในระหว่างที่กำลังนอนอยู่ และหากกำลังฝัน ก็จะจดจำความฝันนั้นไว้
ก่อนล้มตัวลงนอนใหม่ ให้ตั้งใจว่าจะต้องรู้ตัวให้ได้ว่ากำลังฝันในระหว่างหลับครั้งต่อไป โดยอาจบอกตัวเองว่า “คราวหน้าหากฝัน ฉันจะรู้ตัวว่ากำลังฝัน” ดร. ลาเบิร์จบอกว่าให้ท่องประโยคนี้ซ้ำๆ เหมือนท่องบ่นมนตรา โดยมีสมาธิแน่วแน่
ขณะที่กำลังท่องมนตร์อยู่นั้น ก็ให้จินตนาการพร้อมๆ กันไปด้วยว่า ได้กลับเข้าไปในฝันที่เพิ่งฝันก่อนตื่นขึ้นมา (หรืออาจจะเป็นฝันอื่นที่จดจำได้) และแสร้งทำเป็นรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ โดยมองหาสัญลักษณ์ที่บ่งว่าคุณกำลังฝันไปด้วยพร้อมๆ กัน
ทำขั้นตอนที่ 2 และ 3 ซ้ำจนคุณผล็อยหลับไป หรือจนกระทั่งความตั้งใจแน่วแน่เข้าที่ คือคิดแต่ว่าจะต้องรู้ตัวขณะกำลังฝันให้จงได้
เทคนิค MILD นี้คิดค้นโดยตัว สตีเฟน ลาเบิร์จ เอง และเป็นส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของเขา